ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน

ขับเคลื่อนโดย Blogger.
RSS

การดูแลรักษาอุปกรณ์และสนามบาสเกตบอล

การดูแลรักษาอุปกรณ์และสนามบาสเกตบอล 
อุปกรณ์และสนามบาสเกตบอลควรได้รับการดูแลและเก็บรักษาให้ดี เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานให้นานที่สุด เพื่อความประหยัดและเป็นการปลูกฝังให้เล่นเกิดนิสัยรักความมีระเบียบโดยมีหลักปฏิบัติดังนี้

  1. เครื่องแต่งกายต้องดูแลรักษาให้สะอาดเสมอ เมื่อนำไปซักล้างต้องผึ่งแดดให้แห้งสนิทก่อนนำมาใช้
  2. ลูกบาสเกตบอลต้องเก็บให้เรียบร้อยเมื่อเลิกใช้ ห้ามนำลูกบาสเกตบอลไปเล่นผิดประเภทกีฬา เช่น นำไปเตะ หรือไม่นำมารองนั่ง เพราะจะทำให้ลูกบาสเกตบอลผิดรูปทรง
  3. อย่าให้ลูกบาสเกตบอลที่ทำด้วยหนังถูกน้ำนานๆ เพราะนอกจากจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้มากขึ้นแล้ว ยังทำให้ลูกบอลชำรุดเร็วกว่าปกติด้วย ดังนั้นเมื่อลูกบอลถูกน้ำควรใช้ผ้าเช็ดให้แห้งทันทีก่อนที่จะนำลูกบอลมาเล่นต่อไป
  4. การสูบลมหรือปล่อยลมออกจากลูกบาสเกตบอล ควรใช้เข็มที่ใช้กับลูกบอลโดยเฉพาะ ถ้าใช้ของแหลมชนิดอื่นอาจจะทำให้ลูกบอลชำรุดได้ง่าย
  5. สำรวจเสาประตู กระดานหลัง หรือห่วงให้แน่นหนาแข็งแรง และปลอดภัย
  6. ห้ามกระโดดเกาะหรือห้อยโหนห่วงประตูเล่น
  7. ตาข่ายควรใช้เทปหรือลวดพันยึดให้ติดแน่นกับห่วงประตูอยู่เสมอ
  8. รักษาพื้นสนามให้เรียบ สะอาด และเส้นสนามควรชัดเจนให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะเล่น ถ้าชำรุดต้องรีบปรับปรุงแก้ไข จัดระเบียบการใช้สนามและอุปกรณ์ ประกาศให้ทุกคนทราบ
  9. จัดสถานที่หรือที่เก็บอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบ

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

อุปกรณ์และสนามบาสเกตบอล


อุปกรณ์และสนามบาสเกตบอล 
สนามแข่งขัน (Playing Court) 
1) สนามต้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า พื้นผิวเรียบ แข็งปราศจากสิ่งกีดขวางที่ทำให้เกิดความล่าช้าสำหรับการแข่งขันซึ่งจัดโดยสหพันธ์บาสเกตบอลนานาชาติ ขนาดสนามที่จะสร้างขึ้นใหม่ต้องยาว 28 เมตรและกว้าง 15 เมตร โดยวัดจากขอบใน ของเส้นเขตสนาม สำหรับการแข่งขันอื่นทั้งหมดที่สหพันธ์บาสเกตบอลนานาชาติรับรอง เช่น สหพันธ์ระดับโซน หรือสมาคม แห่งชาติ เป็นต้น ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจเห็นชอบให้ใช้สนามขนาดเล็กสุดในการแข่งขันได้ คือ ยาว 26 เมตรและกว้าง 14 เมตร

2) ความสูงของเพดานหรือสิ่งกีดขวางต้องไม่ต่ำกว่า 7 เมตร

3) พื้นผิวของสนามควรจะเหมือนกันและมีแสงสว่างเพียงพอ แสงสว่างต้องอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นของ ผู้เล่นและของผู้ตัดสิน

4) เส้นทุกเส้นต้องเป็นสีเดียวกัน (ควรเป็นสีขาว) กว้าง 5 เซนติเมตร และมองเห็นได้อย่างชัดเจน ดังนี้

- เส้นหลังและเส้นข้าง (End lines and side-lines)
- เส้นกลาง (Center line)
- เส้นโยนโทษ (Free-throw lines)
- วงกลมกลาง (Center circle)
- พื้นที่ยิงประตู 3 คะแนน (Three-point field goal area)
อุปกรณ์ (Equipment) 
1) กระดานหลังและห่วงประตู (Backboard and Basket)

- กระดานหลัง กว้าง 10.5 เมตร ยาว 1.80 เมตร
- ห่วง เส้นผ่าศูนย์กลางยาว 0.45 เมตร (45 เซนติเมตร)
- ห่วงประตู (ห่วงและตาข่าย) สูงจากพื้น 3.05 เมตร
- ตาข่าย ยาว 0.40-0.45 เมตร (40-45 เซนติเมตร)
- ที่ยึดกระดานหลัง
- เบาะรองที่ยึดกระดานหลัง (ฐานตั้งห่างจากเส้นหลัง 2.00 เมตร)

2) ลูกบาสเกตบอล (Basketballs)

- ลูกบอล ต้องเป็นรูปทรงกลมและมีสีส้ม ซึ่งได้รับการรับรอง มี 8 ช่องกลีบ ตาม แบบเดิม กรุและเย็บเชื่อต่อกัน
- ผิวนอกต้องทำด้วยหนัง หนังที่เป็นสารสังเคราะห์ ยาง หรือวัสดุสารสังเคราะห์
- ลูกบอลจะขยายตัวเมื่อสูบลมเข้าไป ถ้าปล่อยลงสู่พื้นสนามจากความสูง โดยประมาณ 1.80 เมตร วัดจากส่วนล่างของลูกบอล ลูกบอลจะกระดอนขึ้นสูงวัดจากส่วนบนสุดจากของลูกบอลระหว่าง 1.20 เมตร ถึง 1.40 เมตร
- ลูกบอลต้องมีเส้นรอบวงไม่น้อยกว่า 74.9 เซนติเมตร และไม่มากกว่า 78 เซนติเมตร (ลูกบอลเบอร์ 7) จะต้องมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 567 กรัม และไม่มากกว่า 650 กรัม

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ประโยชน์ของการเล่นบาสเกตบอล


ประโยชน์ของการเล่นบาสเกตบอล 


กีฬาทุกประเภทล้วนแต่มีคุณค่าในตัวเองทั้งสิ้น จากประวัติความเป็นมาของกีฬาบาสเกตบอล
สาเหตุของการคิดค้นเพื่อให้สามารถเล่นออกกำลังกายได้ในช่วงหิมะตก
โดยเล่นในโรงพลศึกษาเช่นเดียวกับกรณีในประเทศไทยมีฝนตกก็เล่นในโรงพลศึกษาได้
สนามที่ใช้เล่น ก็ไม่ใหญ่โตมากนัก ซึ่งเหมาะกับสภาพปัจจุบันคือที่ดินมีราคาสูงและหาได้ยาก
จำนวนผู้เล่นไม่มากนัก ผู้เล่นต้องอาศัยความเร็วและความสามารถในการเล่น
นับว่าเป็นการท้าทายความสามารถในการที่จะฝึกฝนเพื่อให้เกิดทักษะหรือความชำนาญในการเล่น
ซึ่งกีฬาบาสเกตบอลได้แฝงด้วยคุณค่าและประโยชน์อีกมากมาย พอสรุปได้ดังนี้
  1. ช่วยพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพในด้านต่างๆ ได้แก่ ร่างกาย จิตใจ 
  2. สติปัญญา อารมณ์ และสังคมแก่บุคคล
  3. ช่วยพัฒนาและส่งเสริมกลไกการเคลื่อนไหวร่างกาย (Motor Skill) ให้ทำงานประสานกันดีขึ้น
  4. ไม่ว่าจะเป็นมือ เท้า สายตาให้เคลื่อนไหวได้อย่างถูกต้อง
  5. เป็นกิจกรรมนันทนาการสำหรับพักผ่อน คลายความตึงเครียดแก่ผู้เล่นและผู้ชม
  6. ช่วยฝึกการตัดสินใจและรู้จักคิดแก้ปัญหา ตลอดจนมีสมาธิดี
  7. ช่วยฝึกให้มีน้ำใจนักกีฬา รู้จักแพ้ รู้จักชนะและรู้จักให้อภัย
  8. ใช้เป็นสื่อในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและส่วนรวม
  9. ใช้เป็นสื่อในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในวิชาพลศึกษา
  10. ผู้เล่นที่มีความสามารถจะทำชื่อเสียงให้ตัวเอง วงศ์ตระกูลและประเทศชาติ
  11. เป็นวิชาชีพด้านหนึ่งสำหรับงานกีฬา เช่น การแข่งขัยบาสเกตบอลอาชีพ เป็นต้น

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ประวัติบาสเกตบอลในประเทศไทย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ประเทศไทย



ประวัติบาสเกตบอลในประเทศไทย

ประเทศไทยเริ่มเล่นบาสเกตบอลมากว่า 60 ปีแล้ว มีหลักฐานยืนยันว่า ใน พ.ศ. 2477 นายนพคุณ พงษ์สุวรรณ ครูสอนภาษาจีน โรงเรียนมัธยมบพิตรพิมุข ได้ช่วยเหลือกรมพลศึกษาจัดแปลกติกาบาสเกตบอลขึ้นเป็นครั้งแรก และทางกรมพลศึกษาได้จัดอบรมครูพลศึกษาทั่วประเทศ ประมาณ 100 คน ใช้เวลา 1 เดือน วิทยากรสำคัญในการอบรมครั้งนั้น ได้แก่ หลวงชาติตระการโกศล ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการเล่นกีฬาบาสเกตบอล ทั้งยังเคยเป็นผู้แทนมหาวิทยาลัยเข้าแข่งขันบาสเกตบอล เมื่อครั้งศึกษาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นกีฬาบาสเกตบอลก็แพร่หลายทั่วประเทศไทย นิยมเล่นกันมากในหมู่ชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีภูมิลำเนาอยู่ตามหัวเมือง ในตลาดเขตอำเภอของจังหวัดต่างๆ

ปัจจุบันกีฬาบาสเกตบอลถูกบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนแทบทุกระดับการศึกษา คือ ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา องค์กรสำคัญที่ส่งเสริมและจัดการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอลในประเทศไทย ได้แก่ สมาคมบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นต้น


  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ตำแหน่งต่างๆในบาสเก็ตบอล

บาสเก็ตบอล เล่นกัน 5 คนครับ โดยจะมีตำแหน่งอยู่ 5 ตำแหน่งดังนี้

1. Point Guard 
2. Shooting Guard 
3. Small Forward 
4. Power Forward  
5. Center  โดยการยืนตำแหน่งในทีมบุกจะคร่าวๆดังรูป
  






หน้าที่และการเล่นของ Guard
Guard เป็นตำแหน่งที่มีความเร็ว ความคล่องแคล่ว และยังมีความสามารถในการทำแต้มจากบริเวณเส้น แต้มได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ที่จะเลือกเล่นตำแหน่ง Guard ควรให้ความสนใจในทางด้านRunning (การวิ่ง) Dribble (การเลี้ยงบอล) Steal (การแย่งบอล) 3 Point (การชู้ต แต้ม) และ Pass (การส่งบอล)


การเล่นของ Guard
            อย่างที่ได้กล่าวไว้ว่าจุดเด่นของ Guard คือความเร็วในทุก ๆ ด้าน ดังนั้นการเล่นของ Guard จะใช้ความเร็วที่มีในการเคลื่อนที่เพื่อไปยังจุดที่เหมาะสมบริเวณรอบนอกเส้น แต้ม เพื่อทำแต้ม นอกจากนี้ Guard ยังใช้ความสามารถในการส่งบอลที่แม่นยำเป็นตัวทำเกมให้กับเพื่อนร่วมทีม


หน้าที่และการเล่นของ Shooting Guard
 ตำแหน่งนี้เรียกได้ว่าเป็นเอสของทีมเป็นตำแหน่งที่มีความสามารถรอบด้าน เมื่อเลเวลอัพค่าความสามารถในการทำแต้มระยะกลางจะเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัว Shooting Guard (SG) ไม่ได้จำกัดการเล่นแค่ภายนอกเส้น แต้ม ถ้ามีโอกาสก็ทะลวงเข้าไปทำแต้มภายในได้ด้วยโดยสามารถชู้ตได้ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งไหนก็ตาม Shooting Guard (SG) ควรฝึกสกิลชู้ต 3แต้ม  Running และ Steal เป็นหลัก

การเล่นของ Shooting Guard
        การเล่นของตำแหน่ง Shooting Guard นั้น จะเน้นไปทางการทำแต้มจากระยะ แต้มเป็นส่วนมาก อีกทั้งมีการวิ่งที่รวดเร็วทำให้ประกบได้ยาก แต่หลักๆแล้วในตำแหน่งนี้จะเล่นอยู่บริเวณเส้น แต้ม คอยวิ่งหาพื้นที่ว่างเพื่อให้เพื่อนร่วมทีมนั้นส่งบอลมาให้ เพื่อที่จะชู้ตทำคะแนน

หน้าที่และการเล่นของ Point Guard
ตำแหน่ง Point Guard จะมีความสามารถในการส่งบอลที่แม่นยำ อีกทั้งการควบคุมเกม ถือว่าเป็นตำแหน่งที่เล่นยากที่สุดในบรรดาตำแหน่งทั้งหมด ตำแหน่ง Point Guard จะแตกต่างออกไปจาก Guard ตรงที่จะไม่อยู่แต่บริเวณภายนอกเท่านั้นแต่จะเคลื่อนที่ไปทั่วสนาม เพื่อที่จะหลอกล่อคู่ต่อสู้และสร้างโอกาสให้กับทีมได้อยู่เสมอ รวมไปถึงการทำแต้มด้วยตัวเอง ทั้ง แต้ม และ แต้ม

การเล่นของ Point Guard
          ในตำแหน่ง Point Guard จะมีความโดดเด่นในทางด้าน การส่งบอลให้กับเพื่อนร่วมทีมทำคะแนนและยังมีความสามารถในทางด้านการชู้ตในระยะ แต้ม รวมไปถึงการแย่งบอลที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ซึ่งทำให้ตำแหน่ง Point Guard นี้ เป็นหนึ่งตำแหน่งที่มีความหลายหลายในการเล่นในจังหวะต่างๆ ทำให้ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ทุกๆคนต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง 

ต่อไปคือตำแหน่ง Forward
หน้าที่และการเล่นของ Forward
Forward ตำแหน่งผู้เล่นสารพัดประโยชน์ ด้วยค่าเริ่มต้นที่ดูแล้วไม่ได้เก่งไปด้านใดด้านหนึ่งมากนัก แต่ก็สมดุลทั้งรุกและรับ ทำให้ Forward ทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะชู้ต แต้ม, 3 แต้มการครองบอลการส่งบอล, Rebound หรือจะเรียกได้ว่าเล่นได้ทุกรูปแบบ Forward จึงเหมาะกับคนที่ชอบเล่นหลากหลาย หรือเป็นผู้เล่นสารพัดประโยชน์นั่นเอง

การเล่นของ Forward
            การเล่นของ Forward จะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างภายในเส้น แต้ม และตรงบริเวณ Center ที่อยู่ใต้แป้น และด้วยค่าการเริ่มต้นที่สมดุล ทำให้การใช้ความรวดเร็วของเท้า และการชู้ตตรงกลางสนามที่แม่นยำ ทำให้กลายเป็นกุญแจสำคัญของการแข่งขัน


หน้าที่และการเล่นของ Power Forward
Power Forward เป็นตำแหน่งที่มีค่า Jump สูงที่สุด ทำให้ความสามารถส่วนใหญ่จะเน้นไปทางทำแต้มจากใต้แป้นการ Rebound และการ Dunk ที่สวยงาม จึงเป็นตำแหน่งที่ใกล้เคียงกับ Center


การเล่นของ Power Forward
            ด้วยค่า Jump ที่สูงที่สุดในเกม ทำให้การเล่นของ Power Forward จะเป็นการเล่นอยู่บริเวณใต้แป้นซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการ Block, การ Rebound, การ Dunk และการแย่งบอลคู่แข่งจากส่วนบริเวณใต้แป้น เรียกได้ว่าการเล่นของ Power Forward จะรับหน้าที่ทำแต้มในส่วนใต้แป้นแข่งกับ Center เลยก็ว่าได้

หน้าที่และการเล่นของ Small Forward
Small Forward  ผู้เล่นตำแหน่งนี้ จะคอยใช้ความรวดเร็วในการเคลื่อนไหว ทำหน้าที่เคลื่อนไหวไปมาตามช่องว่างที่สามารถเปิดโอกาสในการชู้ตหรือส่งบอลได้ และยึดครองพื้นที่ในจุดที่คาดว่าจะทำ Rebound ไปพร้อมกัน ดังนั้นจึงต้องคอยเคลื่อนที่ไปทั่วสนามอยู่ตลอดเวลา และเหมือนเป็นตัวกลางของทีมที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่าง Center และ Guard

การเล่นของ Small Forward
           การเล่นของตำแหน่ง Small Forward จะต่างกับของ Power Forward อยู่พอสมควร เพราะจะต้องเคลื่อนที่ไปมาเพื่อคอยแย่งบอลจากคู่แข่งจากในบริเวณกลางสนาม และทำหน้าที่เชื่อมระหว่าง Guard และCenter ด้วย นอกจากนี้การทำแต้มของ Small Foward จะทำแต้มจากส่วนกลาง และอาจจะร่วมไปถึงบริเวณ แต้ม ด้วยเลยก็ได้

ต่อไปคือตำแหน่ง Center
หน้าที่และการเล่นของ Center
 Center เป็นตำแหน่งที่มีความสามารถทั้งในด้านการรุกและการตั้งรับ โดยเฉพาะการเล่นบอลใต้แป้นหรือบริเวณหัวกระโหลก จะเต็มไปด้วยประสิทธิภาพในการเล่น ตำแหน่งนี้จะมีความได้เปรียบตำแหน่งอื่น ๆ ทางด้านส่วนสูงและความแข็งแกร่งของร่างกาย ทำให้ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ทุกทีมควรจะมีไว้ร่วมทีม

การเล่นของ Center
           ตำแหน่ง Center เป็นตำแหน่งที่เปี่ยมไปด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่ง การBlockที่เฉียบขาด การReboundบอลที่แน่นอน รวมไปถึง การDunkที่ดุดัน แต่ในตำแหน่งนี้จะมีข้อเสียตรงที่จะเคลื่อนไหวช้ามากถ้าเทียบกับตำแหน่งอื่นๆ การเล่นของ Center นั้นจะไม่ใช่ตำแหน่งที่จะมาเพื่อทำคะแนนเป็นหลัก แต่จะเป็นตำแหน่งที่คอยสนับสุนนเพื่อนร่วมทีมในการเล่นบริเวณใต้แป้น ตำแหน่ง Center จะเป็นตำแหน่งที่มีส่วนสูงมากที่สุดในเกม ซึ่งทำให้ได้เปรียบตำแหน่งอื่นๆในเวลาเล่นลูกกลางอากาศ อีกทั้งยังมีความสามารถในการรีบาวน์ที่ยอดเยี่ยม ทำให้เวลาต่อสู้กันกลางอากาศทำให้ตำแหน่ง Center นั้นได้เปรียบต่อตำแหน่งอื่นๆมาก

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ประวัติบาสเกตบอล

ยุคแรกของบาสเกตบอล

สนามบาสเกตบอลแห่งแรก ที่วิทยาลัยสปริงฟิลด์
ความพิเศษอย่างหนึ่งของบาสเกตบอล คือถูกคิดขึ้นโดยคนเพียงคนเดียว ต่างจากกีฬาส่วนใหญ่ที่วิวัฒนาการมาจากกีฬาอีกชนิด ช่วงต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2434 ดร. เจมส์ ไนสมิท ครูสอนพละศึกษาชาวอเมริกันที่เกิดในแคนาดา และเป็นผู้ดูแลสถานที่ของวิทยาลัยแห่งหนึ่งของสมาคมวายเอ็มซีเอ (ปัจจุบันคือ วิทยาลัยสปริงฟิลด์) ในเมืองสปริงฟิลด์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ค้นหาเกมในร่มที่ช่วยให้คนมีกิจกรรมทำระหว่างฤดูหนาวในแถบนิวอิงแลนด์ ว่ากันว่า หลังจากเขาไตร่ตรองหากิจกรรมที่ไม่รุนแรงเกินไปและเหมาะสมกับโรงยิม เขาเขียนกฎพื้นฐานและตอกตะปูติดตะกร้าใส่ลูกพีชเข้ากับผนังโรงยิม เกมแรกที่เล่นเป็นทางการเล่นในโรงยิมวายเอ็มซีเอในเดือนถัดมา คือเมื่อ 20 มกราคม พ.ศ. 2435 (ค.ศ. 1891) ในสมัยนั้น เล่นโดยใช้ผู้เล่นเก้าคน สนามที่ใช้ก็มีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของสนามเอ็นบีเอในปัจจุบัน ชื่อ บาสเกตบอล เป็นชื่อที่เสนอโดยนักเรียนคนหนึ่ง และก็เป็นชื่อที่นิยมมาตั้งแต่ตอนต้น เกมแพร่ขยายไปยังวายเอ็มซีเอที่อื่นทั่วสหรัฐอเมริกา ไม่นานนักก็มีเล่นกันทั่วประเทศ
แต่ที่น่าสนใจคือ ถึงแม้ว่าวายเอ็มซีเอจะเป็นผู้ที่พัฒนาและเผยแพร่เกมในตอนแรก ภายในหนึ่งทศวรรษสมาคมก็ไม่สนับสนุนกีฬานี้อีก เนื่องจากการเล่นที่รุนแรงและผู้ชมที่ไม่สุภาพ สมาคมกีฬาสมัครเล่นอื่นๆ มหาวิทยาลัย และทีมอาชีพก็เข้ามาแทนที่ ก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สหภาพการกีฬาสมัครเล่น (Amateur Athletic Union) และ สมาคมการแข่งขันกีฬาระหว่างวิทยาลัย (Intercollegiate Athletic Association) (ซึ่งปัจจุบันคือเอ็นซีดับเบิลเอ, NCAA) ได้แข่งกันเพื่อจะเป็นผู้กำหนดกติกาของเกม
เดิมนั้นการเล่นบาสเกตบอลจะใช้ลูกฟุตบอล ลูกบอลที่ทำขึ้นสำหรับบาสเกตบอลโดยเฉพาะในตอนแรกมีสีน้ำตาล ช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1950 จึงเปลี่ยนมาใช้ลูกสีส้มเพื่อให้ผู้เล่นและผู้ชมมองเห็นลูกได้ง่ายขึ้น และก็ใช้ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่ริเริ่มใช้ลูกบาสเกตบอลสีส้มคือนาย โทนี ฮิงเคิล (Tony Hinkle) โค้ชมหาวิทยาลัยบัตเลอร์(Butler University)

ลีกระดับมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา และลีกอื่น ๆ

การแข่งขันระดับมหาวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2520
ไนสมิทเป็นตัวตั้งตัวตีในการเริ่มบาสเกตบอลระดับมหาวิทยาลัย โดยเป็นโค้ชให้กับมหาวิทยาลัยแคนซัส (University of Kansas) เป็นเวลาหกปี ลีกระดับมหาวิทยาลัยถือกำเนิดในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1920 และเริ่มทัวร์นาเมนต์ที่ชื่อเอ็นไอที (National Invitation Tournament, NIT) ในนิวยอร์กเมื่อปี พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) ช่วง พ.ศ. 2491 ถึง 2494 บาสเกตบอลระดับมหาวิทยาลัยประสบปัญหานักกีฬาโดนซื้อเพื่อผลทางการพนัน เนื่องจากกลุ่มคนที่โกงนี้เกี่ยวข้องกับเอ็นไอที ทำให้อีกทัวร์นาเมนต์ซึ่งเป็นของเอ็นซีเอเอ (NCAA) ขึ้นแซงเอ็นไอทีในแง่ความสำคัญ ปัจจุบันทัวร์นาเมนต์เอ็นซีดับเบิลเอ หรือที่นิยมเรียกกันว่า มาร์ชแมดเนส (March Madness ซึ่งแข่งในช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี) ถือเป็นรายการแข่งขันระดับต้นๆ ในสหรัฐเป็นรองแค่เพียงซูเปอร์โบลของกีฬาอเมริกันฟุตบอล และ เวิลด์ซีรีส์ของกีฬาเบสบอลเท่านั้น
ในคริสต์ทศวรรษ 1920 มีทีมบาสเกตบอลอาชีพเกิดขึ้นเป็นร้อยทีมตามเมืองต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา ไม่มีการจัดระบบเกมอาชีพ เช่น นักกีฬาย้ายทีมไปมา ทีมแข่งกันในโรงเก็บอาวุธและโรงเต้นรำ มีลีกเกิดใหม่และล้มไป บางทีมเล่นถึงสองร้อยเกมในปีหนึ่งก็มี
ส่วนระดับไฮสกูล (มัธยมปลาย) ของสหรัฐก็เป็นที่นิยมเช่นเดียวกัน ปัจจุบันเกือบทุกโรงเรียนจะมีทีมบาสเกตบอลประจำโรงเรียน ในฤดูกาล ทั่วทั้งสหรัฐมีนักเรียนชายหญิงรวมกันถึง 1,002,797 คนเล่นเป็นตัวแทนในการแข่งขันระหว่างโรงเรียน รัฐอินดีแอนาและเคนทักกีเป็นสองรัฐที่คนให้ความสนใจบาสเกตบอลระดับไฮสกูลมากเป็นพิเศษ

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ประวัติทีมเมมฟิส กริซลีส์



เมมฟิส กริซลีส์
เมมฟิส กริซลีส์

   เมมฟิส กริซลีส์ (หรือชื่อเดิม แวนคูเวอร์ กริซลีส์) เป็นทีมบาสเก็ตบอลในลีกเอ็นบีเอประจำเมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี หัวหน้าโค้ชปัจจุบันคือ ไมค์ ฟราเทลโล (Mike Fratello) ซึ่งรับตำแหน่งแทน ฮูบี บราวน์ (Hubie Brown) ที่ลาออกไปเมื่อพฤศจิกายน พ.ศ. 2547 เจ้าของทีมคือ ไมเคิล ไฮส์เลย์ (Michael Heisley) มีอดีตผู้เล่นและผู้บริหารทีมลอสแอนเจลิส เลเกอรส์และฮอลออฟเฟม คือ เจอร์รี เวสต์ (Jerry West) เข้ามาบริหารทีมในตำแหน่งประธานกิจการบาสเก็ตบอล (President of Basketball Operations)

ประวัติ
ทีมแวนคูเวอร์ กริซลีส์ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) พร้อมกับทีมโทรอนโต แรปเตอรส์ ทั้งสองทีมเป็นสัญลักษณ์แทนการเติบโตของเอ็นบีเอ และเป็นสองทีมแรกที่เล่นในประเทศแคนาดา นับตั้งแต่ทีมโทรอนโต ฮัสกีส์ในฤดูกาล 1946-47 (พ.ศ. 2489-90) เดิมผู้เล่นกริซลีส์ประกอบขึ้นจากผู้เล่นที่คัดมาจากทีมอื่นผ่านทาง expansion draft และนักกีฬาใหม่ที่ทีมได้คัดเลือกคือ ไบรอัน รีฟส์ (Bryant Reeves) ฤดูกาลแรกทีมมีสถิติการเล่นเป็นอันดับสุดท้ายของเอ็นบีเอ ปีต่อมา กริซลีส์ ก็คัดตัวเอา ชารีฟ อับดูร-ราฮีม (Shareef Abdur-Rahim) ซึ่งทีมยังคงได้อันดับสุดท้ายถึงแม้ว่าเขาจะเล่นได้ดีก็ตาม

ในปี พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) กริซลีส์ คัดเลือก แอนโทนิโอ แดเนียลส์ (Antonio Daniels) ซึ่งถูกมองว่าเล่นไม่สมกับที่ได้รับเลือกแต่ทีมก็ทำสถิติดีขึ้นเป็นอันดับที่หกในสาย (จากเจ็ดทีม) แต่ฤดูกาลถัดมา ถึงแม้ว่าได้คัดเลือกการ์ด ไมค์ บิบบี (Mike Bibby) ทีมกลับตกไปอยู่อันดับสุดท้ายอีกครั้ง โดยชนะเพียง 8 เกมในฤดูกาลนี้ซึ่งเล่นเพียง 50 เกมเนื่องจากการประท้วงหยุดเล่นโดยนักกีฬา
หลังจากการประท้วง จำนวนผู้เข้าชมเกมเริ่มตกลง และทีมก็เริ่มขาดทุน มีการเปลี่ยนเจ้าของหลายครั้งแต่ก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ในปี พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) ทีมก็ย้ายไปเมืองเมมฟิส
ทีมย้ายไปที่ใหม่สำหรับฤดูกาล 2001-02 และแต่งตั้งเจอร์รี เวสต์ เป็นผู้จัดการทั่วไปในปี พ.ศ. 2545 เวสต์ได้รับรางวัลผู้บริหารแห่งปีสำหรับฤดูกาล 2003-04 ระหว่างฤดูกาล 2002-03 ฮูบี บราวน์ ก็ถูกเลือกให้เป็นหัวหน้าโค้ช และได้รับรางวัลโค้ชแห่งปีในฤดูกาลถัดมา กริซลีส์ได้เข้าเล่นในรอบเพลย์ออฟเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2547 ด้วยอันดับหกในสายตะวันตกแต่ก็ตกรอบแรกโดยแพ้ให้กับทีม ซานแอนโตนิโอ สเปอรส์ ใน 4 เกม
ในฤดูกาล 2004-05 ฮูบี บราวน์ ก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าโค้ชด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพ ในเวลานั้นทีมมีสถิติแพ้มากกว่าชนะ เวสต์ก็นำนักวิจารณ์ของสถานีโทรทัศน์ทีเอ็นทีและอดีตโค้ช ไมค์ ฟราเทลโล มาแทน กริซลีส์ก็พัฒนาขึ้นและเข้าเล่นในเพลย์ออฟเป็นปีที่สองติดต่อกัน แต่อย่างไรก็ตามกริซลีส์ก็ตกรอบแรกอีกครั้งโดยแพ้ ฟีนิกส์ ซันส์ ใน 4 เกม เมื่อจบฤดูกาลกริซลีส์มีการปรับเปลี่ยนผู้เล่นเป็นจำนวนมาก โดยเสียผู้เล่น บอนซี เวลส์ (Bonzi Wells) เจสัน วิลเลียมส์ (Jason Williams) สโตรไมล์ สวิฟท์ (Stromile Swift) และ เจมส์ โพซี (James Posey) และได้ผู้เล่น เดมอน สตอดามายร์ (Damon Stoudamire) บอบบี แจ็คสัน (Bobby Jackson) และ เอ็ดดี โจนส์ (Eddie Jones) เข้ามาแทน
นักกีฬาที่ติด ฮอลออฟเฟม
  • ฮูบี บราวน์ (โค้ช)

      สถิติฤดูกาลที่ดี/แย่ที่สุด
  • ดี - 2003-04 (ชนะ 50 แพ้ 32)
  • แย่ - 1998-99 (ชนะ 8 แพ้ 42)

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ประวัติทีมชิคาโก บูลส์

ชิคาโก บูลส์





ชิคาโก บูลส์

       ชิคาโก บูลส์ (อังกฤษChicago Bulls) เป็นหนึ่งในทีมบาสเกตบอลที่ในการแข่งขันลีกเอ็นบีเอ เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1966 (พ.ศ. 2509) และสามารถคว้าแชมป์ในการแข่งขันบาสเกตบอลเอ็นบีเอได้ถึง 6 สมัยในปี ค.ศ. 1991, ค.ศ. 1992, ค.ศ. 1993, ค.ศ. 1996, ค.ศ. 1997 และปี ค.ศ. 1998

ประวัติ
ทีมชิคาโก บูลส์ เป็นทีมบาสเกตบอลเอ็นบีเอที่ก่อตั้งขึ้นเป็นทีมที่สาม ถัดจากชิคาโก สแต็กส์ (Stags) ซึ่งเล่นระหว่างปี ค.ศ. 1946 ถึง 1950 และ ชิคาโก แพ็กเกอร์ (Packer) ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น เซไฟร์ (Zephyrs) และย้ายไปอยู่เมืองบัลติมอร์ (ปัจจุบันคือ วอชิงตัน วิซาร์ดส์) ชิคาโก บูลส์ เริ่มลงสนามในการแข่งขันบาสเกตบอลเอ็นบีเอครั้งแรก ในฤดูกาล ค.ศ. 1966-67 ซึ่งตลอดระยะเวลาในการทำการแข่งขันชิคาโก บูลส์ ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษที่ 1970 ชิคาโก บูลส์ เป็นที่รู้จักเรื่องเกมรับที่แข็ง มีผู้เล่นมีชื่อเสียงหลายคนหลายคน เช่น บ็อบ เลิฟ (Bob Love), นอร์ม แวนเลียร์ (Norm Van Lier),เจอร์รี่ สโลน (Jerry Sloan) แต่ทีมสามารถคว้าอันดับหนึ่งในดิวิชันเพียงครั้งเดียวและไม่เคยเข้าถึงรอบไฟนอลในเพลย์ออฟได้เลย
ช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 ถึงต้นทศวรรษที่ 1980 ทีมอยู่ในอันดับรั้งท้ายของลีก จุดหนึ่งที่อาจพลิกผันชะตาของทีมบูลส์เลยก็คือสิทธิ์การดราฟอันดับแรกในปี ค.ศ. 1979 ระหว่างบูลส์กับแจ๊ส ซึ่งบูลส์แพ้จากการตัดสินด้วยการโยนเหรียญ พลาดสิทธิ์ในการดราฟแมจิก จอห์นสันไป บูลส์ได้ดราฟเป็นอันดับสองและเลือก เดวิด กรีนวูด (David Greenwood) แทน ผู้เล่นคนสำคัญในทีมช่วงนี้คือ อาร์ทิส กิลมอร์ (Artis Gilmore) ซึ่งทีมได้จากการดราฟหลังจากที่มีการสลายลีกเอบีเอ กิลมอร์ ถูกเทรดไปทีมแซน แอนโตนิโอ สเปอร์สในปี ค.ศ. 1982[1] ทีมเปลี่ยนแผนการเล่นหันมาเน้นเกมทำคะแนนด้วย เรกจี ทีอัส (Reggie Theus) แต่ก็ยังได้ผลที่ไม่ดี และเทรด ทีอัส ระหว่างฤดูกาล 1983-84

การมาของไมเคิล จอร์แดน


การสแลมดังก์ของจอร์แดน
ในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1984 โชคชะตาของทีมก็ผลิกผันเมื่อทีมได้สิทธิ์การดราฟอันดับสาม หลังจากฮิวส์ตัน ร็อกเก็ตส์ และ พอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์ ฮิวส์ตัน รอกเก็ตส์เลือก ฮาคีม โอลาจูวอน (Hakeem Olajuwon) ส่วนพอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์สเลือก แซม โบวี (Sam Bowie) ส่วนบูลส์เลือกชู้ตติง การ์ด ไมเคิล จอร์แดน จากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ทีมภายใต้เจ้าของใหม่ คือ เจอร์รี ไรนส์ดอร์ฟ (Jerry Reinsdorf) และผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ คือ เจอร์รี ครอส (Jerry Krause) ตัดสินใจสร้างทีมรอบ ๆ จอร์แดน จอร์แดนทำสถิติของแฟรนไชส์สมัยที่เล่นปีแรก โดยทำคะแนนและสตีลสูงสุด และพาบูลส์กลับเข้าสู่เพลย์ออฟ จอร์แดนได้รับให้เลือกอยู่ในออล-เอ็นบีเอทีมที่สอง และได้รางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของเอ็นบีเอ (NBA Rookie of the Year Award)
ฤดูร้อนปีถัดมา ทีมได้พอยต์การ์ด จอห์น แพ็กซ์สัน (John Paxson) และดราฟเอาเพาเวอร์ฟอร์เวิร์ด ชารลส์ โอกเลย์ (Charles Oakley) เมื่อรวมกับจอร์แดน และเซ็นเตอร์ เดฟ คอร์ไซน์ (Dave Corzine) เป็นตัวบุกทำคะแนนให้ทีมในช่วงสองปีถัดมา ช่วงที่จอร์แดนบาดเจ็บกระดูกเท้าแตกช่วงต้นฤดูกาล 1985-86 จอร์แดนเป็นคนทำคะแนนเป็นอันดับสองของทีม รองจากวูดริดจ์ จอร์แดนกลับมาเล่นช่วงเพลย์ออฟ พาทีมบูลส์ซึ่งเป็นทีมอันดับที่ 8 มาพบกับบอสตัน เซลติกส์ ซึ่งชนะถึง 67 เกมแพ้ 15 เกมนำโดย แลร์รี เบิร์ด ถึงแม้ว่าบูลส์จะแพ้รวดแต่จอร์แดนก็สร้างสถิติเพลย์ออฟ ทำคะแนนสูงสุดในหนึ่งเกม คือ 63 แต้มในเกม 2 เบิร์ดเรียกจอร์แดนว่า "God disguised as Michael Jordan." หรือ "พระเจ้าปลอมตัวเป็นจอร์แดน"
ฤดูกาล 1986-87 จอร์แดน ยังคงสร้างสถิติใหม่ ๆ ทำคะแนนเฉลี่ยตลอดฤดูกาลสูงที่สุดในลีกคือที่ 37.1 คะแนน เป็นผู้เล่นบูลส์คนแรกที่ได้รับเลือกในออล-เอ็นบีเอทีมแรก แต่บูลส์ก็ยังแพ้เซลติกส์ในเพลย์ออฟ การดราฟปี 1987 เจอร์รี ครอส เลือกเซ็นเตอร์ โอลเดน โพลีนิส (Olden Polynice) ที่อันดับแปด และเพาเวอร์ฟอร์เวิร์ด ฮาเรส แกรนต์ (Horace Grant) ที่อันดับสิบ และส่งโพลีนิสไปซีแอตเทิลในวันดราฟเพื่อแลกกับผู้เล่นอันดับห้า คือ สกอตตี พิพเพน (Scottie Pippen) ในตำแหน่งสมอลฟอร์เวิร์ด ทีมในฤดูกาล 1987-88 ใช้ผู้เล่นตัวจริง แพ็กซ์สัน และจอร์แดนในตำแหน่งการ์ด แบรด เซลเลอร์ส (Brad Sellers) และ โอกเลย์ ในตำแหน่งฟอร์เวิร์ด คอร์ไซน์ เป็นเซ็นเตอร์ และมี พิพเพน และ แกรนต์ เป็นตัวสำรอง บูลส์ก็สามารถสร้างกระแส ชนะ 50 เกม และเข้าถึงรอบรองในคอนเฟอร์เรนซ์ตะวันออก และแพ้ให้ดีทรอยต์ พิสตันส์ซึ่งเป็นแชมป์คอนเฟรนซ์ตะวันออก จอร์แดนได้เลือกเป็นผู้เล่นทรงคุณค่าเอ็นบีเอ รางวัลซึ่งเขาจะได้อีกสี่ครั้งตลอดอาชีพการเล่น ฤดูกาล 1987-88 ยังถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มของทีมคู่อริระหว่าง พิสตันส์ บูล ซึ่งก่อตัวระหว่าง 1987 ถึง 1991
ฤดูกาล 1988-89 ยังเป็นฤดูกาลแห่งการเปลี่ยนแปลง โดยในช่วงฤดูร้อน ทีมได้เทรดเอา ชารลส์ โอกเลย์ เพาเวอร์ฟอร์เวิร์ดผู้ที่ทำรีบาวด์สูงสุดในลีกสองฤดูกาลที่ผ่านมา ไปยังนิวยอร์ก นิกส์แลกกับเซ็นเตอร์ บิลล์ คาร์ตไรต์ และสิทธิ์การดราฟ ซึ่งทีมใช้เลือกเซ็นเตอร์ วิลล์ เพอร์ดู ผู้เล่นตัวจริงซึ่งประกอบด้วย แพ็กซ์สัน จอร์แดน พิพเพน แกรนต์ และ คาร์ตไรต์ ใช้เวลาที่จะเล่นประสานงานกัน ทำให้ทีมชนะน้อยกว่าฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ทีมสามารถผ่านเข้าไปรอบชิงคอนเฟรนซ์ตะวันออก แต่ก็แพ้แชมป์เอ็นบีเอปีนั้น คือ พิสตัน ใน 6 เกม
ฤดูกาล 1989-90 จอร์แดน ทำคะแนนรวมในฤดูกาลปกติ สูงที่สุดในลีกเป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกัน และเข้าเล่นออล สตาร์พร้อม สกอตตี พิพเพน เพื่อนร่วมทีม หัวหน้าโค้ชก็มีการเปลี่ยนแปลง จาก ดัก คอลลินส์ (Doug Collins) เป็นผู้ช่วย ฟิล แจ็กสัน (Phil Jackson) บูลดราฟเอาเซ็นเตอร์ สเตซี คิง (Stacey King) และ พอยต์การ์ด บี.เจ. อาร์มสตรอง (B.J. Armstrong) ด้วยผู้เล่นชุดนี้ บูลได้กลับไปแข่งชิงคอนเฟรนซ์ตะวันออกอีกครั้ง โดยแพ้ พิสตัน ใน 7 เกม ซึ่งต่อมาพิสตันก็คว้าแชมป์เอ็นบีเอได้อีกครั้ง

แชมป์ติดต่อกันสามสมัย

พอถึงฤดูกาล 1990-91 บูลส์สร้างสถิติชนะ 61 เกม สูงสุดเท่าที่ทีมเคยทำได้ในขณะนั้น ผ่านเข้าสู่เพลย์ออฟ เอาชนะพิสตันในรอบชิงคอนเฟอร์เรนซ์ และเอาชนะลอส แอนเจลิส เลเกอร์สที่นำโดย แมจิก จอห์นสัน ใน 5 เกมในรอบชิงชนะเลิศ จอร์แดนได้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าทั้งของฤดูกาลปกติและในรอบสุดท้าย และยังเป็นผู้ทำคะแนนฤดูกาลปกติสูงสุดเป็นสมัยที่ 5 ติดต่อกัน
บูลส์ได้แชมป์เอ็นบีเอสมัยที่สองในฤดูกาล 1991-92 จากการชนะ 67 เกมในฤดูกาลปกติ เอาชนะพอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์สที่นำโดย ไคลด์ เดร็กซ์เลอร์ (Clyde Drexler) ใน 6 เกม ปีนี้จอร์แดนยังได้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าฤดูกาลปกติและรอบสุดท้าย และเป็นผู้ทำคะแนนสูงสุดอีกสมัย
ฤดูกาล 1992-93 บูลส์ได้ทำสิ่งที่ทีมอื่นไม่เคยทำได้ในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา นับจากเซลติกส์สมัยช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 ที่โดยการเป็นแชมป์สามสมัยติดต่อกัน โดยเอาชนะ ชารลส์ บาร์คลีย์ (Charles Barkley) ผู้เล่นทรงคุณค่าฤดูกาลปกติ และฟีนิกซ์ ซันส์ จอร์แดนได้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่ารอบสุดท้าย พร้อมกับสถิติคะแนนต่อเกมรอบสุดดท้ายสูงสุดที่ 41.0 แต้มต่อเกม จอร์แดนก็ยังเป็นคนทำคะแนนสูงสุดเป็นสมัยที่ 7 เท่ากับวิลต์ แชมเบอร์เลน (Wilt Chamberlain)
แต่ฤดูร้อนปีนั้น จอร์แดนก็ประกาศเลิกเล่นหลังจากที่พ่อของเขาถูกฆ่าตายไม่กี่เดือน บูลส์ในสมัยนั้นจึงนำโดย สก็อตตี พิพเพน ซึ่งกลายเป็นผู้เล่นชั้นนำคนหนึ่งในลีก และได้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าออล สตาร์ ทั้งฮอเรส แกรนต์ และ บี.เจ. อาร์มสตรองค์ ซึ่งเล่นสนับสนุนก็ได้เล่นในเกมออล สตาร์ด้วย ผู้เล่นอื่นที่เป็นกำลังสำคัญในทีม เช่น คาร์ตไรต์, เพอร์ดู, ชู้ตติ้งการ์ด พีท ไมเออรส์ (Pete Myers) และฟอร์เวิร์ดปีแรกชาวโครเอเชีย โทนี คูโคช (Toni Kukoč) ถึงแม้ว่าผลงานฤดูกาลปกติจะดี ชนะ 55 เกม แต่ก็แพ้นิกส์ในรอบสองของเพลย์ออฟ

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ประวัติทีมแอตแลนต้า ฮอกส์

แอตแลนตา ฮอกส์




แอตแลนต้า ฮอกส์

              แอตแลนต้า ฮอกส์ เป็นทีมบาสเกตบอลในลีก เอ็นบีเอ ตั้งอยู่ที่ แอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย

ประวัติ
           เดิมทีทีมแอตแลนตา ฮอกส์ ไม่ได้ตั้งอยู่ที่ แอตแลนต้า ทีมนี้ถูกก่อตั้งในปี ค.ศ. 1946 ภายในเขตเมือง 3 เมืองติดกัน(ไทร-ซิตี้)ของเมือง ดาเวนพอร์ท (รัฐไอโอวา) และเมืองโมลีนกับเมืองร็อคไอส์แลนด์ (รัฐอิลลินอยส์) โดยใช้ชื่อว่า ไทร-ซิตี้ แบลคฮอกส์ ก่อนที่จะย้ายไปเมืองมิลวอกี ใน ค.ศ. 1951 โดยเปลี่ยนชื่อจาก แบล็คฮอกส์ ไปเป็น ฮอกส์ และก็ย้ายไปอยู่ที่ เซนต์หลุยส์ ในปี ค.ศ. 1955 ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่เมือง แอตแลนต้า ในปัจจุบันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1968-ปัจจุบัน

โค้ช
  • ริชชี่ กัวริน 1968-1971
  • ค็อตตอน ฟิตส์ซิมมอน 1972-1975
  • จีน ทอมอเลน 1975
  • ฮิวบี้ บราวน์ 1976-1980
  • ไมค์ เฟรตเทลโล 1980
  • เควิน ลาฟเฮอรี่ 1981-1982
  • ไมค์ เฟรตเทลโล (ครั้งที่ 2) 1983-1989
  • บ็อบ เวียส 1990-1992
  • เลนนี วิลเก็นส์ 1993-1999
  • รอน ครูเกอส์ 2000-2002
  • เทอรี่ สต็อตส์ 2002-2003
  • ไมค์ วู้ดสัน 2004-ปัจจุบัน

สนาม
  • อเล็คซานเดอ คอลิเซียม 1968-1971
  • เดอะ ออมนี 1972-1996
  • จอเจีย โดม 1997-1998
  • แม็คโดนัล เซ็นเตอร์ 1997-1998
  • ฟิลลิป อารีน่า 1999-ปัจจุบัน

เสื้อนักกีฬาที่รีไทร์

นักกีฬาที่ติด ฮอลออฟเฟม
รายชื่อนักกีฬาที่ติด ฮอลออฟเฟม
  • วอลท์ เบลลามี่ 1970-1973
  • คอนนี่ ฮอวกิ้นส์ 1975
  • โมเซส มาโลน 1988-1990
  • พีต มาราวิช 1970-1973
  • เลนนี่ วิลกิ้นส์ (โค้ช) 1993-1999

สถิติฤดูกาลที่ดี/แย่ที่สุด
  • ดี - 1986 , 1993 (ชนะ 57 แพ้ 25)
  • แย่ - 2000 (ชนะ 25 แพ้ 57)

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ประวัติอัลเลน ไอเวอร์สัน





อัลเลน ไอเวอร์สัน

อัลเลน ไอเวอร์สัน (อังกฤษAllen Ezail Iverson, เกิด 7 มิถุนายน พ.ศ. 2518 ที่เมืองแฮมป์ตัน รัฐเวอร์จิเนีย) มีฉายาว่า เอ.ไอ. (A.I. ตัวย่อจากชื่อจริง) และดิแอนเซอร์ (The Answer) เป็นนักบาสเกตบอลชาวสหรัฐอเมริกา เล่นในลีกเอ็นบีเอ ปัจจุบันอยู่ทีมเดนเวอร์ นักเก็ตส์ เป็นผู้เล่นระดับออลสตาร์ในตำแหน่งพอยท์การ์ดและชู้ตติ้งการ์ด ถือเป็นผู้เล่นทำคะแนนได้ดีที่สุดคนหนึ่งในปัจจุบัน ในอดีตอยู่กับทีมฟิลลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอรส์และเป็นดาราประจำทีมนานถึงสิบปี

วัยเด็ก

อัลเลน ไอเวอร์สัน เกิดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2518 ที่คาบสมุทรเวอร์จิเนียร์ เป็นบุตรของนาย อัลเลน บรอตัน (Allen Broughton) และนางแอน ไอเวอร์สัน (Ann Iverson) พ่อของเขาทิ้งครอบครัวไป เหลือแค่แม่ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 15 ปีอยู่ดูแลอัลเลนและน้องสาวเขาที่ชื่อ แบรนดี (Brandy) เมื่อเขาเกิดไม่นานนัก ยายของเขาซึ่งเป็นเสาหลักครอบครัวก็ได้เสียชีวิตไป เมื่อปี พ.ศ. 2534 อัลเลน แบรนดี และแม่ ก็ได้สมาชิกใหม่ในครอบครัว คือ ไลชา (Leisha) ซึ่งป่วย อัลเลนมักมีหน้าที่ดูแลน้องสาวของเขาซึ่งได้แก่ แบรนดี (เกิด พ.ศ. 2522) และ ไลชา (เกิด พ.ศ. 2534) โดยเฉพาะไลชาซึ่งมีปัญหากับเปลเพราะมีอาการชักบ่อย
ภาระค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์ทำให้ครอบครัวมีหนี้สินมาก พ่อเลี้ยงของอัลเลน ไมเคิล ฟรีแมน (Michael Freeman) ติดคุกอยู่บ่อย ๆ หลังจาก ฟรีแมน ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 2534 เขาก็ตกงานและถูกจับในข้อหาพกยาเสบติดเพื่อจำหน่าย ฟรีแมนเป็นคนที่สอนไอเวอร์สันให้เล่นบาสเกตบอลจนเก่ง ในอดีตไอเวอร์สันเคยโทษพ่อเลี้ยงเขาแต่ปัจจุบันกลับภูมิใจในฟรีแมน ไอเวอร์สันเคยพูดไว้ว่า "เขาไม่เคยปล้นใคร" "เขาเพียงต้องการหาเลี้ยงครอบครัวเขา" ไอเวอร์สันพูดถึงวัยเด็กของเขาว่า "ตอนกลับถึงบ้าน ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีอาหาร บางครั้งก็ไม่มีน้ำ ตอนที่มีน้ำก็ไม่มีน้ำร้อน อาศัยในบ้านที่ท่อน้ำทิ้งแตกข้างใต้พื้น และต้องทนดูน้องสาวใส่ถุงเท้าเดินในบ้าน เพราะพื้นเปียกจากท่อรั่ว กลิ่นเหม็นทำให้น้องสาวป่วย"
มีคนสองคนที่เป็นแบบอย่างให้ไอเวอร์สันตอนยังเด็ก คือ แม่ของเขา และ โทนี คล็ก (Tony Clark) คนที่ไอเวอร์สันใกล้ชิดมาก เมื่อไอเวอร์สันโดดเรียน โทนี จะบอกกับแม่ไอเวอร์สันให้เธอมาจัดการ โทนีมีปัญหากับครอบครัวและเพื่อนสาว เขาถูกฆ่าตายตอนไอเวอร์สันอายุ 15 ปี ไอเวอร์สัน ไปคบกับ อันเดร สตีล (Andre Steele) แต่ตอนนี้ไอเวอร์สันเป็นคนดูแลสตีลแทน

ระดับไฮสคูล

ตอนที่เขาอยู่ที่ บีเทลไฮสคูล (Bethel High School) ในแฮมพ์ตัน ไอเวอร์สันเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลและบาสเกตบอลที่เก่ง เขาได้รับการเสนอทุนจากทั่วประเทศเพราะเขาเล่นตำแหน่งควาเตอร์แบคพาทีมไปคว้าแชมป์ประจำรัฐระหว่างที่อยู่ปีที่ 3 ช่วงที่เขากำลังนำทีมบาสเกตบอลแข่งชิงแชมป์รัฐอยู่นั้น เขาก็ไปเล่นโบว์ลิงกับเพื่อนในวันวาเลนไทน์ปี 2536 ก็เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทขึ้นระหว่างเพื่อนเขาซึ่งเป็นคนผิวดำและวันรุ่นผิวขาวหลายคน
ไอเวอร์สันอ้างว่าเรื่องวิวาทกันเกิดจากการเหยียดสีผิว เขาถูกกล่าวหาว่าเอาเก้าอี้ทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่ง เขาและเพื่อนอีกสามคนก็ถูกจับ ตอนอายุ 17 ปีไอเวอร์สันถูกตัดสินว่ามีความผิด และมีโทษจำคุก 15 ปี แต่ให้ลงอาญา 10 ปี ทุนการศึกษาต่าง ๆ ถูกยกเลิก เขาใช้เวลาสี่เดือนในเรือนจำพิเศษเมืองนิวพอร์ตนิวส์ซิตี (Newport News City Farm) ก่อนที่จะได้รับอภัยโทษโดยผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย ในปี 2538 ศาลอุทธรณ์ของเวอร์จิเนียก็กลับคำตัดสินเนื่องจากหลักฐานไม่ชัดเจน

ระดับมหาวิทยาลัย

ระหว่างที่ไอเวอร์สันจำคุกอยู่นั้น แม่ของเขาก็ได้ไปอ้อนวอนโค้ชมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ จอห์น ทอมป์สัน (John Thompson) ให้ช่วยเหลือลูกเมื่อธันวาคม 2536 ฤดูใบไม้ผลิของ 2537 โค้ชได้ไปเยี่ยมไอเวอร์สันที่ไฮสคูล ริชาร์ด มิลเบิร์น (Richard Milburn High) ที่รับนักเรียนที่มีปัญหาโดยเฉพาะ และเสนอทุนให้ไอเวอร์สัน โดยมีข้อแม้ว่าจะถูกส่งกลับหากไม่ทำตามกฎของโรงเรียนและโค้ช
ตอนที่เรียนอยู่ที่จอร์จทาวน์ ไอเวอร์สันเรียนสาขาศิลปศาสตร์ ซึ่งยังเป็นที่รู้จักในปัจจุบันสำหรับภาพล้อเลียนเพื่อนร่วมทีมและดารา
เนื่องจากปัญหาทางการเงินของครอบครัว ไอเวอร์สันเรียนเพียงสองปีและหันไปเล่นอาชีพ ไอเวอร์สันได้รางวัลผู้เล่นเกมรับแห่งปี (Defensive Player of the Year) ของกลุ่มบิ๊กอีส (Big East) สองปี รางวัลผู้เล่นหน้าใหม่แห่งปี (Rookie of the Year) เหรียญทองการแข่งขัน World University Games ที่ญี่ปุ่นปี 2538 ระหว่างที่เรียน
ในเอ็นบีเอ

ปี 2539 ถึง 2542

หลังจากเล่นให้จอร์จทาวน์มาสองปี อัลเลน ไอเวอร์สัน ถูกดราฟเป็นคนแรกในการดราฟผู้เล่นเอ็นบีเอในปี 2539 (ค.ศ. 1996) โดยทีมฟิลลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอรส์ ไอเวอร์สัน สามารถพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นพอยท์การ์ดที่เก่งคนหนึ่งในเวลาไม่นานนัก ในเกมแรกที่เล่นเขาสามารถทำได้ 30 คะแนน และได้เลือกเป็นผู้เล่นหน้าใหม่แห่งปี (Schick Rookie of the Year) ของฤดูกาล 1996-97 (พ.ศ. 2539-40) โดยไอเวอร์สันเล่นได้เฉลี่ย 23.5 แต้ม (เป็นอันดับหกในเอ็นบีเอ) 7.5 แอสซิสต์ (อันดับ 11) และ 2.07 สตีล (อันดับ 7) นำผู้เล่นปีแรกคนอื่น ๆ ทั้งหมด
ถึงแม้ว่าเขาจะเล่นได้ดีในสนาม ไอเวอร์สันมักไม่ลงรอยกับสื่อมวลชน และมักถูกผู้เล่น โค้ช นักข่าว พูดถึงเรื่องการไม่เคารพผู้เล่นอื่น และเรื่องการเล่นแบบเห็นแก่ตัวของเขา โดยใช้สถิติที่แย่ของทีมแม้ว่าผลงานส่วนตัวของไอเวอร์สันจะดีมาเป็นข้อสนับสนุน
ในฤดูกาลต่อมา (1997-98) แม้ว่าไอเวอร์สันจะได้คะแนนเฉลี่ยน้อยลงเป็น 22 คะแนนต่อเกม แต่เขาก็เล่นเป็นทีมมากขึ้น ในฤดูกาล 1999-2000 (พ.ศ. 2542-43) ไอเวอร์สัน ก็ได้นำทีมเข้ารอบเพลย์ออฟเป็นครั้งแรก เขาเล่นได้ดีในปีนั้น เป็นผู้เล่นที่ทำคะแนนสูงสุดในเอ็นบีเอ ได้เล่นเป็นตัวจริงในเกมรวมดารา ไอเวอร์สันลงเล่นในเกมเพลย์ออฟทั้ง 10 เกม เฉลี่ยเกมละ 44.4 นาทีแม้ว่าจะมีปัญหาบาดเจ็บ เฉลี่ยในเพลย์ออฟได้ 26.2 แต้ม 4.5 แอสซิสต์ 4.0 รีบาวด์ และ 1.20 สตีลต่อเกม และทำคะแนนสูงสุด 40 คะแนนในเกมเปิดของรอบแรกกับชาล็อต เมื่อ 22 เมษายน

ฤดูกาล 2000-2001 กับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า

ฤดูกาลที่ไอเวอร์สันเล่นได้ดีที่สุดน่าจะเป็น ฤดูกาล 2000-01 (พ.ศ. 2543-44) เขาพาทีมชนะรวดสิบเกมแรกของฤดูกาล ได้รับรางวาลผู้เล่นทรงคุณค่าในเกมรวมดารา ทำคะแนนและสตีลสูงสุดในเอ็นบีเอ และนำทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ ลอสแอนเจลิส เลเกอรส์ ซึ่งมีแชคิล โอนีล และ โคบี ไบรอันต์

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS