ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน

ขับเคลื่อนโดย Blogger.
RSS

ประวัติทีมชิคาโก บูลส์

ชิคาโก บูลส์





ชิคาโก บูลส์

       ชิคาโก บูลส์ (อังกฤษChicago Bulls) เป็นหนึ่งในทีมบาสเกตบอลที่ในการแข่งขันลีกเอ็นบีเอ เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1966 (พ.ศ. 2509) และสามารถคว้าแชมป์ในการแข่งขันบาสเกตบอลเอ็นบีเอได้ถึง 6 สมัยในปี ค.ศ. 1991, ค.ศ. 1992, ค.ศ. 1993, ค.ศ. 1996, ค.ศ. 1997 และปี ค.ศ. 1998

ประวัติ
ทีมชิคาโก บูลส์ เป็นทีมบาสเกตบอลเอ็นบีเอที่ก่อตั้งขึ้นเป็นทีมที่สาม ถัดจากชิคาโก สแต็กส์ (Stags) ซึ่งเล่นระหว่างปี ค.ศ. 1946 ถึง 1950 และ ชิคาโก แพ็กเกอร์ (Packer) ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น เซไฟร์ (Zephyrs) และย้ายไปอยู่เมืองบัลติมอร์ (ปัจจุบันคือ วอชิงตัน วิซาร์ดส์) ชิคาโก บูลส์ เริ่มลงสนามในการแข่งขันบาสเกตบอลเอ็นบีเอครั้งแรก ในฤดูกาล ค.ศ. 1966-67 ซึ่งตลอดระยะเวลาในการทำการแข่งขันชิคาโก บูลส์ ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษที่ 1970 ชิคาโก บูลส์ เป็นที่รู้จักเรื่องเกมรับที่แข็ง มีผู้เล่นมีชื่อเสียงหลายคนหลายคน เช่น บ็อบ เลิฟ (Bob Love), นอร์ม แวนเลียร์ (Norm Van Lier),เจอร์รี่ สโลน (Jerry Sloan) แต่ทีมสามารถคว้าอันดับหนึ่งในดิวิชันเพียงครั้งเดียวและไม่เคยเข้าถึงรอบไฟนอลในเพลย์ออฟได้เลย
ช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 ถึงต้นทศวรรษที่ 1980 ทีมอยู่ในอันดับรั้งท้ายของลีก จุดหนึ่งที่อาจพลิกผันชะตาของทีมบูลส์เลยก็คือสิทธิ์การดราฟอันดับแรกในปี ค.ศ. 1979 ระหว่างบูลส์กับแจ๊ส ซึ่งบูลส์แพ้จากการตัดสินด้วยการโยนเหรียญ พลาดสิทธิ์ในการดราฟแมจิก จอห์นสันไป บูลส์ได้ดราฟเป็นอันดับสองและเลือก เดวิด กรีนวูด (David Greenwood) แทน ผู้เล่นคนสำคัญในทีมช่วงนี้คือ อาร์ทิส กิลมอร์ (Artis Gilmore) ซึ่งทีมได้จากการดราฟหลังจากที่มีการสลายลีกเอบีเอ กิลมอร์ ถูกเทรดไปทีมแซน แอนโตนิโอ สเปอร์สในปี ค.ศ. 1982[1] ทีมเปลี่ยนแผนการเล่นหันมาเน้นเกมทำคะแนนด้วย เรกจี ทีอัส (Reggie Theus) แต่ก็ยังได้ผลที่ไม่ดี และเทรด ทีอัส ระหว่างฤดูกาล 1983-84

การมาของไมเคิล จอร์แดน


การสแลมดังก์ของจอร์แดน
ในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1984 โชคชะตาของทีมก็ผลิกผันเมื่อทีมได้สิทธิ์การดราฟอันดับสาม หลังจากฮิวส์ตัน ร็อกเก็ตส์ และ พอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์ ฮิวส์ตัน รอกเก็ตส์เลือก ฮาคีม โอลาจูวอน (Hakeem Olajuwon) ส่วนพอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์สเลือก แซม โบวี (Sam Bowie) ส่วนบูลส์เลือกชู้ตติง การ์ด ไมเคิล จอร์แดน จากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ทีมภายใต้เจ้าของใหม่ คือ เจอร์รี ไรนส์ดอร์ฟ (Jerry Reinsdorf) และผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ คือ เจอร์รี ครอส (Jerry Krause) ตัดสินใจสร้างทีมรอบ ๆ จอร์แดน จอร์แดนทำสถิติของแฟรนไชส์สมัยที่เล่นปีแรก โดยทำคะแนนและสตีลสูงสุด และพาบูลส์กลับเข้าสู่เพลย์ออฟ จอร์แดนได้รับให้เลือกอยู่ในออล-เอ็นบีเอทีมที่สอง และได้รางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของเอ็นบีเอ (NBA Rookie of the Year Award)
ฤดูร้อนปีถัดมา ทีมได้พอยต์การ์ด จอห์น แพ็กซ์สัน (John Paxson) และดราฟเอาเพาเวอร์ฟอร์เวิร์ด ชารลส์ โอกเลย์ (Charles Oakley) เมื่อรวมกับจอร์แดน และเซ็นเตอร์ เดฟ คอร์ไซน์ (Dave Corzine) เป็นตัวบุกทำคะแนนให้ทีมในช่วงสองปีถัดมา ช่วงที่จอร์แดนบาดเจ็บกระดูกเท้าแตกช่วงต้นฤดูกาล 1985-86 จอร์แดนเป็นคนทำคะแนนเป็นอันดับสองของทีม รองจากวูดริดจ์ จอร์แดนกลับมาเล่นช่วงเพลย์ออฟ พาทีมบูลส์ซึ่งเป็นทีมอันดับที่ 8 มาพบกับบอสตัน เซลติกส์ ซึ่งชนะถึง 67 เกมแพ้ 15 เกมนำโดย แลร์รี เบิร์ด ถึงแม้ว่าบูลส์จะแพ้รวดแต่จอร์แดนก็สร้างสถิติเพลย์ออฟ ทำคะแนนสูงสุดในหนึ่งเกม คือ 63 แต้มในเกม 2 เบิร์ดเรียกจอร์แดนว่า "God disguised as Michael Jordan." หรือ "พระเจ้าปลอมตัวเป็นจอร์แดน"
ฤดูกาล 1986-87 จอร์แดน ยังคงสร้างสถิติใหม่ ๆ ทำคะแนนเฉลี่ยตลอดฤดูกาลสูงที่สุดในลีกคือที่ 37.1 คะแนน เป็นผู้เล่นบูลส์คนแรกที่ได้รับเลือกในออล-เอ็นบีเอทีมแรก แต่บูลส์ก็ยังแพ้เซลติกส์ในเพลย์ออฟ การดราฟปี 1987 เจอร์รี ครอส เลือกเซ็นเตอร์ โอลเดน โพลีนิส (Olden Polynice) ที่อันดับแปด และเพาเวอร์ฟอร์เวิร์ด ฮาเรส แกรนต์ (Horace Grant) ที่อันดับสิบ และส่งโพลีนิสไปซีแอตเทิลในวันดราฟเพื่อแลกกับผู้เล่นอันดับห้า คือ สกอตตี พิพเพน (Scottie Pippen) ในตำแหน่งสมอลฟอร์เวิร์ด ทีมในฤดูกาล 1987-88 ใช้ผู้เล่นตัวจริง แพ็กซ์สัน และจอร์แดนในตำแหน่งการ์ด แบรด เซลเลอร์ส (Brad Sellers) และ โอกเลย์ ในตำแหน่งฟอร์เวิร์ด คอร์ไซน์ เป็นเซ็นเตอร์ และมี พิพเพน และ แกรนต์ เป็นตัวสำรอง บูลส์ก็สามารถสร้างกระแส ชนะ 50 เกม และเข้าถึงรอบรองในคอนเฟอร์เรนซ์ตะวันออก และแพ้ให้ดีทรอยต์ พิสตันส์ซึ่งเป็นแชมป์คอนเฟรนซ์ตะวันออก จอร์แดนได้เลือกเป็นผู้เล่นทรงคุณค่าเอ็นบีเอ รางวัลซึ่งเขาจะได้อีกสี่ครั้งตลอดอาชีพการเล่น ฤดูกาล 1987-88 ยังถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มของทีมคู่อริระหว่าง พิสตันส์ บูล ซึ่งก่อตัวระหว่าง 1987 ถึง 1991
ฤดูกาล 1988-89 ยังเป็นฤดูกาลแห่งการเปลี่ยนแปลง โดยในช่วงฤดูร้อน ทีมได้เทรดเอา ชารลส์ โอกเลย์ เพาเวอร์ฟอร์เวิร์ดผู้ที่ทำรีบาวด์สูงสุดในลีกสองฤดูกาลที่ผ่านมา ไปยังนิวยอร์ก นิกส์แลกกับเซ็นเตอร์ บิลล์ คาร์ตไรต์ และสิทธิ์การดราฟ ซึ่งทีมใช้เลือกเซ็นเตอร์ วิลล์ เพอร์ดู ผู้เล่นตัวจริงซึ่งประกอบด้วย แพ็กซ์สัน จอร์แดน พิพเพน แกรนต์ และ คาร์ตไรต์ ใช้เวลาที่จะเล่นประสานงานกัน ทำให้ทีมชนะน้อยกว่าฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ทีมสามารถผ่านเข้าไปรอบชิงคอนเฟรนซ์ตะวันออก แต่ก็แพ้แชมป์เอ็นบีเอปีนั้น คือ พิสตัน ใน 6 เกม
ฤดูกาล 1989-90 จอร์แดน ทำคะแนนรวมในฤดูกาลปกติ สูงที่สุดในลีกเป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกัน และเข้าเล่นออล สตาร์พร้อม สกอตตี พิพเพน เพื่อนร่วมทีม หัวหน้าโค้ชก็มีการเปลี่ยนแปลง จาก ดัก คอลลินส์ (Doug Collins) เป็นผู้ช่วย ฟิล แจ็กสัน (Phil Jackson) บูลดราฟเอาเซ็นเตอร์ สเตซี คิง (Stacey King) และ พอยต์การ์ด บี.เจ. อาร์มสตรอง (B.J. Armstrong) ด้วยผู้เล่นชุดนี้ บูลได้กลับไปแข่งชิงคอนเฟรนซ์ตะวันออกอีกครั้ง โดยแพ้ พิสตัน ใน 7 เกม ซึ่งต่อมาพิสตันก็คว้าแชมป์เอ็นบีเอได้อีกครั้ง

แชมป์ติดต่อกันสามสมัย

พอถึงฤดูกาล 1990-91 บูลส์สร้างสถิติชนะ 61 เกม สูงสุดเท่าที่ทีมเคยทำได้ในขณะนั้น ผ่านเข้าสู่เพลย์ออฟ เอาชนะพิสตันในรอบชิงคอนเฟอร์เรนซ์ และเอาชนะลอส แอนเจลิส เลเกอร์สที่นำโดย แมจิก จอห์นสัน ใน 5 เกมในรอบชิงชนะเลิศ จอร์แดนได้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าทั้งของฤดูกาลปกติและในรอบสุดท้าย และยังเป็นผู้ทำคะแนนฤดูกาลปกติสูงสุดเป็นสมัยที่ 5 ติดต่อกัน
บูลส์ได้แชมป์เอ็นบีเอสมัยที่สองในฤดูกาล 1991-92 จากการชนะ 67 เกมในฤดูกาลปกติ เอาชนะพอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์สที่นำโดย ไคลด์ เดร็กซ์เลอร์ (Clyde Drexler) ใน 6 เกม ปีนี้จอร์แดนยังได้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าฤดูกาลปกติและรอบสุดท้าย และเป็นผู้ทำคะแนนสูงสุดอีกสมัย
ฤดูกาล 1992-93 บูลส์ได้ทำสิ่งที่ทีมอื่นไม่เคยทำได้ในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา นับจากเซลติกส์สมัยช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 ที่โดยการเป็นแชมป์สามสมัยติดต่อกัน โดยเอาชนะ ชารลส์ บาร์คลีย์ (Charles Barkley) ผู้เล่นทรงคุณค่าฤดูกาลปกติ และฟีนิกซ์ ซันส์ จอร์แดนได้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่ารอบสุดท้าย พร้อมกับสถิติคะแนนต่อเกมรอบสุดดท้ายสูงสุดที่ 41.0 แต้มต่อเกม จอร์แดนก็ยังเป็นคนทำคะแนนสูงสุดเป็นสมัยที่ 7 เท่ากับวิลต์ แชมเบอร์เลน (Wilt Chamberlain)
แต่ฤดูร้อนปีนั้น จอร์แดนก็ประกาศเลิกเล่นหลังจากที่พ่อของเขาถูกฆ่าตายไม่กี่เดือน บูลส์ในสมัยนั้นจึงนำโดย สก็อตตี พิพเพน ซึ่งกลายเป็นผู้เล่นชั้นนำคนหนึ่งในลีก และได้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าออล สตาร์ ทั้งฮอเรส แกรนต์ และ บี.เจ. อาร์มสตรองค์ ซึ่งเล่นสนับสนุนก็ได้เล่นในเกมออล สตาร์ด้วย ผู้เล่นอื่นที่เป็นกำลังสำคัญในทีม เช่น คาร์ตไรต์, เพอร์ดู, ชู้ตติ้งการ์ด พีท ไมเออรส์ (Pete Myers) และฟอร์เวิร์ดปีแรกชาวโครเอเชีย โทนี คูโคช (Toni Kukoč) ถึงแม้ว่าผลงานฤดูกาลปกติจะดี ชนะ 55 เกม แต่ก็แพ้นิกส์ในรอบสองของเพลย์ออฟ

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น